โรคภูมิแพ้ในเด็ก

อีกหนึ่งโรคยอดฮิตของเด็กยุคปัจจุบัน ที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะหากคุณพ่อคุณแม่มีประวัติโรคนี้มาก่อน สำหรับในวัยเด็กเล็ก โรคนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ เพราะยังเป็นวัยที่เล่นซน ในบางกรณีอาการภูมิแพ้อาจจะส่งผลเสียต่อการดำเนินชีวิตได้ ทางที่ดีอย่าได้นิ่งนอนใจ พ่อแม่ต้องรู้จักภูมิแพ้ในเด็กอย่างครบถ้วน หาวิธีหลีกเลี่ยง ’สารก่อภูมิแพ้’ เพื่อให้ลูกน้อยได้ใช้ชีวิตอย่างสดใส

ทำความรู้จักโรคภูมิแพ้ในเด็ก
โรคภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นในเด็กมาจากการที่ร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อ ‘สารก่อภูมิแพ้’ ได้ไวผิดปกติ ขณะที่คนทั่วไปเมื่ออยู่ในสถานการณ์เดียวกันอาจจะไม่มีอาการ แต่ขณะเดียวกันเมื่อลูกได้รับสารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกาย เช่น ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ อาจมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา หอบเหนื่อย หรือแม้กระทั่งมีผื่นขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละรายจะเกิดภูมิแพ้ขึ้นกับระบบใดของร่างกาย

ประเภทของระบบภูมิแพ้ในเด็ก
ภูมิแพ้ในเด็กที่พบจะแสดงออกตามระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนี้

  1. ภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจ: เด็กจะเป็นหวัดจากภูมิแพ้ จะเป็นหวัดเรื้อรัง ส่วนใหญ่จะพบในเด็กอายุ 7 ขวบขึ้นไป เมื่อเจอฝุ่นหรืออากาศเย็นมักจะมีน้ำมูกใสไหลตลอดเวลา
  2. ภูมิแพ้ในระบบทางเดินอาหาร: เด็กส่วนใหญ่จะแพ้อาหารประเภทไข่และนม มีเสียงดังครืดคราดในปอดเนื่องจากผลิตเสมหะมากขึ้น มักพบในเด็ก 1 ขวบขึ้นไป
  3. ภูมิแพ้ผิวหนัง: เด็กจะเป็นผื่นตามหน้า ร่างกาย แขนขา ข้อพับและมีอาการคันร่วมด้วย หากเป็นมากอาจเกิดความดันโลหิตตกจนช็อกและเสียชีวิตได้
  4. ภูมิแพ้ชนิดรุนแรง: เหากแพ้อาหารรุนแรง อาจทำให้หอบ หายใจไม่ออก จนเสียชีวิตได้ อาหารที่ทำให้แพ้รุนแรงมักพบจาก ไข่ นมวัว ถั่วลิงสง หรืออาหารทะเล

สาเหตุการเกิดภูมิแพ้ในเด็ก
สาเหตุการเกิดภูมิแพ้ในเด็กมีอยู่ 2 ปัจจัยหลัก คือ พันธุกรรม และการได้รับสารก่อภูมิแพ้ หากพ่อแม่เป็น ยิ่งมีโอกาสที่ลูกจะเป็นโรคภูมิแพ้สูงตามไปด้วย

การได้รับสารก่อภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็น ไรฝุ่น ละอองเกสรดอกไม้ เชื้อรา รวมทั้งปัจจัยเสริมอื่น ๆ เช่น อากาศที่เปลี่ยนแปลง ควันรถ ก็ล้วนเป็นสิ่งกระตุ้นทำให้ลูกเกิดภูมิแพ้ขึ้นได้

สิ่งสำคัญคือคุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตอาการภูมิแพ้ในเด็ก เพื่อเป็นการเตรียมพร้อม รู้ทันโรคและหาวิธีรับมือได้อย่างถูกต้อง ไม่ตื่นตระหนกเมื่อลูกมีอาการตามโรคดังกล่าว

วิธีรับมือภูมิแพ้ในเด็กที่พ่อแม่ต้องรู้
เมื่อสังเกตอาการของลูกจนเห็นว่าเข้าข่ายเป็นภูมิแพ้ สิ่งที่พ่อแม่ควรทำเป็นอันดับแรก คือ หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และสิ่งระคายเคือง เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกมีอาการเกิดขึ้นอีก อย่างไรก็ตามในบางครั้งอาจไม่รู้ว่าลูกของเราแพ้อะไรอยู่บ้าง เพราะฉะนั้นการไปพบแพทย์รวมทั้งตรวจร่างกาย ทดสอบการแพ้อย่างละเอียดจะได้ข้อมูลที่แม่นยำขึ้นว่าสิ่งที่ทำให้ลูกมีอาการแพ้มาจากสาเหตุใดบ้าง

เมื่อกลับเข้าสู่การไปโรงเรียน ผู้ปกครองควรเตรียมความพร้อมให้ลูกปลอดภัยเมื่ออยู่ไกลสายตา ด้วยการย้ำเตือนลูกเป็นประจำว่าควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีไรฝุ่น เพื่อป้องกันการกระตุ้นจากสารก่อภูมิแพ้ หรือหากเด็กโตที่ต้องเริ่มทำความสะอาดชั้นเรียน ควรสวมใส่หน้ากากอนามัยในช่วงที่ทำความสะอาดทุกครั้ง รวมทั้งการแจ้งครูประจำชั้นให้ทราบถึงโรคประจำตัวของลูก หากมีอาการกะทันหัน ทางโรงเรียนจะได้รับมือกับได้อย่างทันท่วงที

นอกจากนั้น คุณพ่อคุณแม่พ่อแม่สามารถส่งเสริมเรื่องของโภชนาการครบ 5 หมู่ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงด้วยนมแม่ เพราะน้ำนมธรรมชาติมีการสลายโปรตีนที่ทำให้เกิดการแพ้ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคภูมิแพ้ได้อีกด้วย

โรคภูมิแพ้ในเด็ก
เป็นเรื่องที่รับมือได้ ขอเพียงการหมั่นสังเกตและดูแลเอาใส่ใจลูกอย่างใกล้ชิด หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นหรือสภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดอาการ อาการของโรคภูมิแพ้ในเด็กก็จะบรรเทาลงได้ ให้ลูกน้อยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติตามวัยอย่างมีความสุข