ภูมิแพ้กับมลพิษ และการดูแลตัวเองเพื่อบรรเทาอาการ

ภูมิแพ้กับมลพิษ วิกฤติที่ยากจะหลีกเลี่ยง

ปัจจุบันนี้ สถานการณ์มลพิษทางอากาศกลายเป็นวิกฤติใหญ่ที่เราทุกคนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะในทุกวันที่เราออกเดินทาง หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ นอกบ้าน เราต่างต้องเผชิญกับมลพิษมากมายที่ลอยอยู่ในอากาศ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง, ควันไฟ, เกสรดอกไม้, ก๊าซอันตราย ตลอดจนฝุ่น PM 2.5 ที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นทุกปี ยิ่งสูดดมเข้าไป ยิ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ และหากใครที่เป็นภูมิแพ้อยู่ด้วยแล้ว เมื่อเจอมลพิษทางอากาศเหล่านี้ ก็จะทำให้อาการที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้น

มลพิษทางอากาศ ส่งผลกระทบกับร่างกายอย่างไรบ้าง

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มลพิษทางอากาศในประเทศไทยกลายเป็นปัญหาที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วประเทศ และในปี 2566 นี้ ก็ดูจะเป็นปีที่ปัญหาฝุ่น PM 2.5 มีความรุนแรงมากที่สุด จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ในช่วงเวลาเพียง 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม 2566 พบผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศรวมแล้วกว่า 1,730,976 ราย* ซึ่งโรคที่พบมากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ในจำนวนผู้ป่วยเหล่านี้ คือกลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ

มาดูกันว่า ปัญหามลพิษทางอากาศนั้นส่งผลกระทบกับร่างกายอย่างไรบ้าง

ผลกระทบในระยะสั้น

ฝุ่น PM 2.5 คือฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทำให้ฝุ่นชนิดนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็วทุกครั้งที่หายใจ เมื่อฝุ่นเข้าไปสะสมในร่างกาย จะทำให้โพรงจมูกอักเสบ หอบหืดกำเริบ หลอดลมอักเสบ และยังเป็นจุดเริ่มต้นของการติดเชื้อต่าง ๆ ทั้งเชื้อไข้หวัดใหญ่และแบคทีเรีย

ผลกระทบในระยะยาว

การสูดหายใจรับฝุ่น PM 2.5 เข้าไปในร่างกายอย่างต่อเนื่อง จะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงและกลายเป็นโรคเรื้อรังที่ยากต่อการรักษา เช่น ปอดไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ หัวใจ หลอดเลือด และสมอง

*ข้อมูลจาก สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 

ลักษณะอาการแพ้ฝุ่นควันและฝุ่น PM 2.5

อาการเบื้องต้นของผู้ที่แพ้ฝุ่น ได้แก่ อาการคัดจมูก จาม น้ำมูกไหล คันและระคายเคืองตา มีน้ำตาไหล ไอ และอาจมีอาการหอบหืดกำเริบ ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดขึ้นจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายพยายามตอบสนองต่อฝุ่นควันหรือฝุ่น PM 2.5 ที่เราสูดเข้าไปนั่นเอง

วิธีรับมือกับอาการภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นจากมลพิษทางอากาศ

รับประทานยาต้านฮิสตามีน

ยาต้านฮิสตามีน คือ ยาที่ใช้บรรเทาอาการแพ้จากสารก่อภูมิแพ้ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่นละออง สารเคมี หรือเกสรดอกไม้ สามารถแบ่งยาต้านฮิสตามีนได้เป็น 2 ประเภท คือ ยากลุ่มที่ทำให้ง่วง และยากลุ่มที่ไม่ทำให้ง่วง ซึ่งเป็นกลุ่มที่พัฒนาจากยากลุ่มแรก เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการที่ดีขึ้น ซึ่งการรับประทานยาทั้งสองกลุ่มนี้ จะต้องรับประทานอย่างระมัดระวังตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น และไม่ควรใช้ในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี

สวมหน้ากากอนามัย

หน้ากากอนามัยที่จะช่วยป้องกันฝุ่นควันหรือฝุ่น PM 2.5 ได้ ควรเป็นหน้ากากอนามัยแบบ N95 ที่มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นมากกว่าหน้ากากอนามัยแบบทั่วไป

ใช้เครื่องฟอกอากาศ

เครื่องฟอกอากาศ คือเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่งทำหน้าที่กรองฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกในอากาศ โดยการดูดอากาศผ่านตัวกรอง และดักจับฝุ่นละอองไว้ เพื่อช่วยให้อากาศมีความบริสุทธิ์มากขึ้น การใช้เครื่องฟอกอากาศภายในบ้าน จึงเป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยรับมือกับมลภาวะในอากาศ และช่วยบรรเทาอาการแพ้ฝุ่นควันหรือฝุ่น PM 2.5 ที่ทำให้คัดจมูกได้

หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง

สำหรับผู้ที่ป่วยด้วยโรคภูมิแพ้เป็นทุนเดิม ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกบ้านให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะในวันที่ค่าฝุ่น PM 2.5 สูงเกินมาตรฐาน เพื่อไม่ให้อาการแพ้ฝุ่น PM 2.5 กำเริบขึ้น

ถึงแม้ว่าปัญหามลพิษทางอากาศในประเทศไทย จะเป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยง แต่เราสามารถหาวิธีรับมือและดูแลตัวเองได้ ด้วยการใช้ยาที่เหมาะสม โดยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อขอรับคำแนะนำในการใช้ยา พร้อมปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และหากพบว่าอาการแพ้ฝุ่นควันหรือฝุ่น PM 2.5 มีอาการรุนแรงขึ้น ควรเข้าพบแพทย์เพื่อดำเนินการรักษาโดยทันที

ข้อมูลอ้างอิง:

  1. แพ้ฝุ่น กับวิธีรับมือท่ามกลางมลพิษทางอากาศ. สืบค้นเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2566. จาก https://www.pobpad.com/แพ้ฝุ่น-กับวิธีรับมือท่#:~:text=อาการแพ้ฝุ่นเป็นอย่างไร,มีอาการแพ้ตามมา
  2. ผลกระทบจากฝุ่นพิษ PM 2.5. สืบค้นเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2566. จาก https://www.synphaet.co.th/ผลกระทบจากฝุ่นพิษ-pm-2-5/